มารู้จักกับตู้คอนเทนเนอร์กัน

ในยุคปัจจุบันนี้ ชิปปิ้งตู้ขนส่ง หรือ ‘ตู้คอนเทนเนอร์’ เป็นการขนส่งสินค้าที่ใช้กันทั่วโลกเลยนะคะ

 

 

ชิปปิ้ง (shipping) คือ บริษัท หน่วยงาน หรือบุคคลที่เป็นตัวแทน เจ้าของสินค้า (cargo) คอยทำหน้าที่ติดต่องานด้านเอกสารสำหรับการนำเข้าหรือส่งออก โดยจำทำหน้าที่ติดต่อกับหน่วยงานกรมศุลกากรเพื่อผ่านพิธีการศุลกากร และนอกจากนั้นยังมีการให้บริการอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าและส่งออก เช่น หน่วยงานอย. กรมปศุสัตว์ กรมเกษตร รวมทั้งประสานงานกับบริษัทขนส่ง เป็นต้นค่ะ

ในอุตสาหกรรมการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ(ชิปปิ้ง) การจัดส่งสินค้าถือเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของอุตสาหกรรมการขนส่งการค้า และภาชนะขนส่งเหล่านี้เป็นโครงสร้างที่เก็บผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท ที่ต้องส่งจากภูมิภาคหนึ่งของโลกไปยังอีกภูมิภาคหนึ่ง  การเลือกวิธีการจัดส่งที่เหมาะสม เป็นส่วนสำคัญของกระบวนการค้าระหว่างประเทศ และขึ้นอยู่กับประเภทของผลิตภัณฑ์ ที่จะจัดส่ง หรือบริการพิเศษที่ผู้ใช้บริการต้องการอีกด้วยนะคะ ดังนั้นเรามาดู อีก 10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งจัดเป็นสิ่งสำคัญของการ Shipping เลยนะคะ

 

 

1. ตู้คอนเทนเนอร์ขนส่งถูกคิดค้น และจดสิทธิบัตรขึ้นในปี 1956

โดยชายชาวอเมริกันนามว่า Malcom Mclean ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งตู้คอนเทนเนอร์ เขาเคยเป็นคนขับรถบรรทุกมาก่อน ต่อมาได้คิดค้นการออกแบบวิธีขนส่งสินค้าด้วยตู้คอนเทนเนอร์ และได้ปฏิวัติอุตสาหกรรมขนส่งด้วยระบบตู้คอนเทนเนอร์ ที่ช่วยลดต้นทุนการขนส่งไปได้มากกว่า 90%

 

2. ประเภทของตู้คอนเทนเนอร์ที่ใช้บ่อยที่สุดในอุตสาหกรรมการขนส่งชิปปิ้ง

– Dry Container เป็นตู้คอนเทนเนอร์ ที่นิยมใช้กันมากที่สุดตามมาตรฐาน ISO เหมาะสำหรับการจัดส่งวัสดุแห้ง มีขนาดตั้งแต่ 10, 20 และ 40 ฟุต
– Flat Rack Containers Flat Rack เป็นตู้คอนเทนเนอร์ที่มีด้านสามารถพับเก็บได้เพื่อรองรับการขนสินค้าที่มีน้ำหนักและขนาดใหญ่ เช่น อุปกรณ์ก่อสร้าง วัสดุก่อสร้างหรือเครื่องจักรกลหนัก
– Open Top Containers มีส่วนที่สามารถถอดออกและเปิดหลังคาด้านบนได้ สำหรับบรรจุวัสดุ หรือสินค้าที่มีขนาดสูง
– Side Open Container มีช่องเปิดที่เก็บด้านข้าง (ด้านยาว) เพื่ออำนวยความสะดวกในการบรรทุกและขนถ่ายสินค้าที่เฉพาะเจาะจง เช่น ยานพาหนะขนส่ง
– IOS (Refrigerated ISO Containers) เป็นตู้คอนเทนเนอร์ที่ควบคุมอุณหภูมิเย็นคงที่ เพื่อใช้ขนส่งสินค้าที่เน่าเสียได้ง่าย เช่น ผักผลไม้ เนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากนมหรืออาหารทะเล

 

3. ขนาดของตู้คอนเทนเนอร์

โดยขนาดตู้คอนเทนเนอร์ตามมาตรฐานแล้วจะมี 2 ขนาด ได้แก่
– ขนาด 20 (เหมาะสำหรับสินค้าหนัก เช่น เครื่องจักร)
– และ 40 ฟุต (เหมาะสำหรับสินค้าเบา ที่มีจำนวนมาก)

4. วัสดุและโครงสร้างของตู้คอนเทนเนอร์

– โครงสร้าง ประกอบไปด้วยเสาและคานที่ทำจากเหล็ก ตำแหน่งของเสาอยู่ทั้ง 4 มุมของคอนเทนเนอร์ มีความแข็งแรงขนาดรองรับน้ำหนักได้มากกว่า 25 ตัน
– ผนัง เป็นส่วนที่มีเอกลักษณ์ มีลักษณะเป็นเหล็กที่พับเป็นลอนๆ เพื่อเพิ่มความแข็งแรง มีน้ำหนักเบา และสีที่พ่นทับมีความคงทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศ และความชื้น
– พื้น โดยทั่วไปเป็นวัสดุบอร์ดหรือไม้

5. การขนส่งแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือตู้ LCL

การขนส่งแบบ LCL (Less Than Container Load) หรือการขนส่งด้วยตู้คอนเทนเนอร์แบบไม่เต็มตู้ นิยมใช้ตู้ High Cube Container (ขนาด 40 ฟุต ) สินค้าส่วนใหญ่ที่ขนส่งแบบ LCL มักจะมีน้ำหนักเบา

6. ตู้คอนเทนเนอร์ของแต่ละสายเดินเรือมีขนาดไม่เท่ากัน

สายการเดินเรือแต่ละสายมักจะมีการสั่งผลิตตู้คอนเทนเนอร์เป็นของตัวเอง โดยแต่ละสายเรือก็จะมีขนาดของตู้ที่แตกต่างกันไป แต่โดยทั่วไปจะมีขนาดใกล้เคียงกับตู้คอนเทนเนอร์ขนาดมาตรฐาน

7. ตัวเลขท้ายตู้คอนเทนเนอร์คือรหัสบอรายละเอียด

ตัวเลขท้ายตู้คอนเทนเนอร์นั้นเป็นรหัสของตู้ ที่บอกรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับตู้คอนเทนเนอร์นั้น ซึ่งจะถูกกำหนดด้วยมาตรฐาน ISO 6346 ( มาตรฐานสากลที่ครอบคลุมการเข้ารหัสบัตรประจำตัวและเครื่องหมายของการขนส่ง) และ BIC (Bureau of International Containers) สำนักภาชนะบรรจุระหว่างประเทศ ซึ่งประกอบด้วย
– รหัสเจ้าของตู้คอนเทนเนอร์
– รหัสระบุประเภทตู้คอนเทนเนอร์
– รหัสการจดทะเบียนตู้คอนเทนเนอร์
– รหัสตรวจสอบความถูกต้อง เจ้าของ ประเภท และการจดทะเบียนตู้คอนเทนเนอร์
– รหัสระบุขนาดและชนิดของตู้คอนเทนเนอร์ เป็นต้น

8. ข้อดีและข้อเสีบของตู้คอนเทนเนอร์

ข้อดี
– ขนถ่ายสินค้าได้รวดเร็ว
– ลดความเสียหายของสินค้าที่ขนส่งและป้องกันการถูกโจรกรรม
– ขนส่งได้ปริมาณมาก
– การสั่งจองเรือระวางเพื่อขนส่งสินค้าทำได้สะดวก
– ตรวจนับสินค้าได้ง่าย

ข้อเสีย
– ไม่เหมาะกับการขนส่งระยะสั้น
– สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากกว่าเมื่อใช้วิธีขนส่งด้วยรถบรรทุก แล้วเปรียบเทียบกับรถบรรทุกที่ใช้คอกกระบะชนิดเบา

9. Code ข้างตู้คอนเทนเนอร์ทำไมต้องมี 4 ตัวอักขระ ?

รหัสข้างตู้คอนเทนเนอร์นั้น คืออักขระ 4 ตัวที่แสดงขนาดและชนิดของตู้ไว้ด้วยกัน (Container Size and Type Code) เป็นรหัสตามมาตรฐานที่กำหนด ISO 6346 โดย BIC (International Container Bureau)
เช่น Code : 42G1
– 4 คือความยาว 40 ฟุต
– 2 คือความกว้างและความสูง
– G1 คือชนิดตู้คอนเทนเนอร์ คือ General Purpose

10. อายุการใช้งานของตู้คอนเทนเนอร์

ปกติแล้ว ตู้คอนเทนเนอร์ขนส่งสินค้า(ชิปปิ้ง)สามารถใช้งานได้ยาวนาน 20 ปี และด้วยความที่ทำจากวัสดุที่มีความแข็งแรง จึงไม่ได้ต้องการบำรุงรักษามากนัก เพียงแค่ทำความสะอาดตามตามปกติก็น่าจะเพียงพอแล้วนั่นเองค่ะ

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *